วันอังคารที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2558

เด็กหอดูหนัง : ( Review+Spoiled ) The Blue hour - อนธการ แสงแห่งท้องฟ้าในช่วงเวลาที่เปลี่ยนผ่าน...


ก่อนอื่นก็สวัสดีทุกท่านนะคะ...
นานมากแล้วที่ไม่ได้เขียนบล็อกเลย พอดูวันที่ของเรื่องที่เขียนคราวก่อนแล้วได้แต่ตกใจ ว่ามันผ่านไปเกือบปีแล้วเหรอเนี่ย?! ตอนที่นั่งพิมพ์อยู่นี่เลยรู้สึกไม่คุ้นเอาซะเลย ถึงแม้จะพิมพ์อยู่ที่โต๊ะเดิมบนคอมเครื่องเดิมก็ตามทีเถอะ...

เอาล่ะค่ะ จากนี้เรามาพูดถึงตัวหนังกันดีกว่าเนอะ

"อนธการ" หรือในชื่อต่างชาติว่า "The blue hour" ซึ่งได้นำไปฉายยังงานใหญ่ในต่างประเทศมาแล้ว จึงสามารถเป็นการการันตีได้ว่า เรื่องนี้น่าจะคุ้มค่ากับการเสียเวลาของคุณๆเพื่อไปดูกัน

ในบทความนี้ จะให้บอกว่าเป็นการสปอยเต็มรูปแบบก็คงไม่ใช่ เพราะหลายคนได้รับรู้เรื่องราวมาจากซีรี่เพื่อนเฮี้ยนโรงเรียนหลอนที่เคยออกอากาศทางทีวีไปแล้ว ในชื่อ "คืนสีน้ำเงิน" (สรุปเรื่องนี้มีถึงสามชื่อด้วยกันสินะ) ซึ่งถ้าจะให้พูดกันตามตรง เนื้อเรื่องที่นำเสนอทางทีวีกับเนื้อเรื่องที่กลายมาเป็นภาพยนต์ก็ไม่ได้มีความแตกต่างกันซักเท่าไร (ในด้านโครงเรื่องและการดำเนินเรื่อง) แต่ที่เพิ่มมาในภาพยนต์ คือการจมดิ่งลึกลงสู่อารมณ์ความรู้สึกของตัวละคร การที่เราได้ทำความรู้จักกับตัวละครทีละนิด จนกลายเป็นเหมือนเรื่องราวของเพื่อนที่อยู่ข้างบ้านของเราเอง....

เรื่องเปิดมาที่ "ตั้ม"(กัน อรรถพันธ์ พูลสวัสดิ์) เด็กหนุ่มตัวเล็กที่มักมีเรื่องชกต่อยที่โรงเรียนอยู่เป็นประจำ และเมื่อกลับมาที่บ้าน แทนที่จะพบกับครอบครัวที่ควรจะคอยเป็นกำลังสนับสนุน เขากลับถูกทุบตีด่าทอ และโยนความไม่ไว้ใจเข้าใส่อยู่จนกลายเป็นเรื่องปกติ ดังนั้น การนัดพบใครสักคนเพื่อผ่อนคลายความเจ็บปวดที่มีจึงเป็นหนทางเดียวที่ตั้มจะสามารถใช้เพื่อให้ชีวิตอันแสนน่าเบื่อนี้ดำรงอยู่ต่อไปได้

และคราวนี้คนที่ตั้มนัดมาพบก็คือ "ภูมิ"  (โอบ โอบนิธิ วิวรรธนวรางค์) เด็กหนุ่มผู้ซึ่งพบกันทางอินเตอร์เน็ต สโมสรร้างแห่งหนึ่งกลายเป็นทั้งจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ และเป็นจุดกำเนิดของเรื่องราวที่จะทำให้ชีวิตของตั้มเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล

ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ดำเนินไปเรื่อยๆ ค่อยๆเตฺิมเต็มให้กันด้วยทั้งความรู้สึกและเซ็กส์ การที่ทั้งคู่พาอีกฝ่ายเข้าสู่โลกใหม่ที่ไม่คุ้นเคย ทำให้ความสัมพันธ์นี้ยิ่งดำดิ่ง และพันเกลียวแน่นขึ้นจนยากที่จะแก้ออกเต็มที 

มีฉากหนึ่งที่เราชอบมากคือ ตอนที่ตั้มพูดกับภูมิว่า "รู้มั้ย ว่ากูเกลียดอะไรที่สุดในโลก" "กูเกลียดคนร้องให้ว่ะ มันเหมือนกับว่าเค้าแม่งไม่มีวันผิด" 
ถ้าถามว่าทำไมถึงชอบ อาจเป็นเพราะจขบ.เคยเจอเหตการแบบนี้ในชีวิตจริงมาก่อน เป็นเรื่องจริงที่เวลาที่ทะเลาะ หรือมีเรื่องกับใครสักคน... คนที่ร้องให้ก่อน มักจะดูน่าสงสารและเป็นฝ่ายโดนกระทำอยู่ร่ำไป

นอกจากนั้นยังทำให้เห็นถึงความรู้สึกของตัวตั้มที่มีต่อครอบครัว หรือในความคิดของตั้มคือตัวเองนั้นเป็นฝ่ายถูก... แม้ว่าหายเรื่องที่คนดูต่างก็รู้สึกเหมือนกันว่าตัวละครตัวนี้มีด้านที่เป็นสีดำมืด และเป็นคนผิดในหลายๆเรื่องด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะเรื่องที่ยืมเงินเพื่อนแล้วไม่ยอมคืนจนถูกทำร้ายร่างกายบ่อยๆ หรือเรื่องที่ขโมยของในบ้านไปขายเพราะต้องการแก้แค้นพ่อ จนทำให้ถูกกล่าวโทษและโดนทำร้ายร่างกาย หลายเรื่องที่เจ้าตัวเป็นคนก่อ แต่กลับไม่ยอมรับโทษจากการกระทำนั้นๆแม้ว่าตัวเองจะเป็นคนผิดก็ตาม...

ส่วนภูมินั้น เป็นตัวละคนที่ไม่ได้เอ่ยถึงปูมหลังของตัวเองมากนัก แต่จากการเล่าเรื่องที่อยู่ในหนังทำให้เรารู้ว่า ตัวภูมินั้นก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ดีกับครอบครัวสักเท่าไร

ทั้งสองจึงเหมือนเป็นตัวแทนของวัยรุ่นในครอบครัวที่ขาดการเลี้ยงดูเอาใจใส่ ขาดการสอนอย่างเป็นเหตุเป็นผล แต่พ่อแม่กลับตีกรอบสิ่งที่อยากจะเป็นให้โดยไม่สังเกตสักนิด ว่าแท้ที่จริงกรอบเหล่านั้นต่างหากที่ทำให้ตัวตนของพวกเขาบิดเบี้ยวและไร้รูปทรงมากขึ้นทุกที

ความปรารถนาที่จะมีตัวตนและมีที่ยืนของทั้งคู่ ผลักดันให้ตั้มทำเรื่องเลวร้ายลงไป...

ทั้งการฆ่าพี่ชาย... ที่คอยแต่ทำร้ายร่างกาย และด่าทอ ทั้งยังยุแยงพ่อแม่ให้เชื่อว่าเขาเป็นลูกเลวที่วันๆคอยจะสร้างแต่เรื่องเดือดร้อน

และการว่าจ้างมือปืนเพื่อมาฆ่าพ่อแม่ของตัวเองถึงในบ้าน เพื่อนำเงินที่จะได้จากมรดกไปสร้างโลกที่มีเพียงเขาทั้งสองคนอาศัยอยู่...

สำหรับตัวพ่อตั้มนั้น เราจะไม่ได้เห็นหน้าของเจ้าตัวจนกระทั่งตอนที่พ่อของตั้มตาย เรื่องที่คนดูรับรู้มีเพียงแค่ความเข้มงวดและความไม่ลงรอยกันระหว่างตั้มและพ่อ รวมถึงการที่พ่อเป็นฝ่ายทำร้ายร่างกายของตั้มเท่านั้น ในฉากที่พ่อของตั้มตาย คนดูจึงไม่รู้สึกถึงอารมณ์ร่วมหรือความผูกพันธ์ที่เกิดขึ้นกับตัวละคร ราวกับว่า สำหรับตั้มแล้ว พ่อไม่ได้มีความสำคัญอะไรมากไปกว่าตัวแสดงประกอบตัวหนึ่ง

แต่สำหรับแม่แล้ว ในตอนแรก แม่ราวกับเป็นที่พึ่งเล็กๆสุดท้ายของตั้ม ที่หวังว่าจะเชื่อใจและคอยเป็นห่วงเขา เพราะอย่างน้อย...ยังไงแม่ก็เป็นแม่ แต่จุดแตกหักอาจเป็นตอนที่แม่เชื่อพี่ชายว่าตั้มเป็นคนขโมยปืนของพ่อไป ซึ่งแม้จะเป็นความจริง แต่ตั้มอาจเพียงต้องการได้รับความรู้สึกเชื่อใจบ้างเพียงเท่านั้น แต่สุดท้ายเขาก็รู้ ว่าแม่ก็ไม่ได้ต่างอะไรกับคนอื่นๆในบ้านเลย ดังนั้นในตอนที่แม่ตาย ความอาวรณ์สุดท้ายที่ตั้มมีให้ก็เพียงการปิดตาให้แม่จากไปอย่างสงบเท่านั้น แต่บนใบหน้าของตั้มกลับไม่มีน้ำตาแม้สักหยดเดียว...

ตัวหนังคุมโทนด้วยสีเทาหม่นตลอดทั้งเรื่อง ด้วยบรรยากาศของทั้งท้องฟ้าและสถานที่ หลายๆอย่างทำให้จขบ.คิดว่าสีเหล่านี้คือตัวแทนของความรูสึกของตั้ม แต่ภาพในเรื่องกลับสว่างขึ้นเมื่อถึงฉากสุดท้าย ซึ่งราวกับว่าเป็นตอนที่ตั้มได้ปล่อยทิ้งเรื่องกังวลต่างๆนาๆเหล่านั้นไว้เบื้องหลังจนหมดแล้ว

ภาพของตัวหนังสวยแปลกตา ตามสไตล์หนังนอกกระแสที่ไม่เน้นความชัดของเฟรม การปล่อยแช่กล้องให้มองเห็นความเคลื่อนไหวของสิ่งที่อยู่หน้ากล้อง การจำกัดวงของภาพให้เหลือน้อยจนเราสามารถโฟกัสที่ตัวหนังได้อย่างเต็มที่ (ที่จขบ.ชอบที่สุดคือฉากในกองขยะ ความน่าสนใจคือการปล่อยให้คนดูได้มองการขยับของวัตถุที่เกลื่อนกลาดอยู่รอบความกว้างของจอ ทำให้ทั้งตื่นเต้น และคาดเดาสิ่งที่จะเกิดต่อไปไม่ออก)

หากจะเปรียบเทียบ หนังเรื่องนี้เป็นเหมือนการไล่เสียงของโน้ตดนตรี ที่ค่อยๆเพิ่มความหนักขึ้นทีละนิดอย่างช้าๆ ทำให้คนดูเข้าถึงหนัง และมีเวลาเตรียมตัวที่จะรับฉากต่อไปทีละนิดๆ

เสียงประกอบเหมาะสมและเป็นจังหวะ มีการทิ้งช่วงเงียบของดนตรี และการใส่เสียงประกอบเล็กๆที่ชวนให้ขนหัวลุกได้ไม่มากก็น้อยเมื่อหยุดตั้งใจฟัง องค์ประกอบโดยรวมทั้งหลายเหล่านี้ ดึงให้เราหลุดเข้าไปในหนังโดยที่เราไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ

เป็นหนังเรื่องแรกในรอบหลายปี ที่ทำให้จขบ.มีอาการเหมือนดดนรถชนเข้าโครมใหญ่หลังดูจบ มันมีทั้งความหม่นและความรู้สึกที่ถูกดึงให้เรากลับมาอยู่กับตัวเอง มองการกระทำของตัวเองช้าๆ รวมถึงระแวดระวังรอบข้างอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เป็นความรู้สึกแปลกที่ไม่เคยเป็นจากการดูหนังเรื่องไหนๆ (ถึงขนาดเดินเหม่อออกผิดประตู จนพนักงานต้องเรียกไว้) 

โดยรวมแล้ว เราชอบอารมณ์ ชอบภาพ ชอบเสียง ของตัวหนัง แม้เรื่องราวบางส่วนจะทำให้เราสับสนและไม่เข้าใจไปบ้าง แต่การได้ใช้เวลาในการคิด ทบทวนความรู้สึกของตัวเอง และตีความความหมายที่แทรกมากับเรื่อง ทำให้เราดูหนังเรื่องนี้สนุกขึ้นมากทีเดียว

สุดท้ายนี้ ขอบอกไว้ก่อนว่าเป็นหนังเฉพาะทางค่ะ ไม่เหมาะกับผู้ชมบางท่าน ดังนั้นก่อนดูให้ตัดสินใจดีๆก่อนนะคะ ถ้าไม่เคยดูหนังแนวนอกกระแส หรือไม่ชอบเสพย์งานภาพ งานเพลง และการตีความเนื้อเรื่อง เราคงไม่แนะนำค่ะ 


ขอให้ทุกท่านสนุกกับการชมภาพยนต์นะคะ 


เด็กหอดูหนัง : ^ ^ 





    





วันเสาร์ที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2557

(สปอยด์) A MUSE EUN GYO (2012) เด็กสาวกับชายแก่ : เด็กหอดูหนัง

สวัสดีค่ะ...

ผ่านเข้าสู่ช่วงปิดเทอมมาได้สักพักนึงแล้ว แล้วก็กลับมาอยู่ที่บ้านด้วยเหตุจากการที่มหาวิทยาลัย เปลี่ยนรูปแบบการเปิดเทอมเพื่อต้อนรับประชาคมอาเซียน ทำให้คราวนี้เวลาสำหรับหยุดนั้น ยาวนานถึงหกเดือน จขบ.ที่ปกติอยู่เชียงใหม่จะได้ดูหนังในโรงประจำ ก็เลยต้องเปลี่ยนมาอาศัยดูหนังผ่านเว็บแทน

ปกติแล้วเป็นคนที่นอกจากหนังในกระแสที่เค้าดูๆกัน ก็จะชอบสุ่มดูหนังเรื่องนู้นเรื่องนี้แบบหว่านๆ อาศัยหน้าปกน่าสนใจ หรือเลือกดูในแนวที่ชอบ อย่างหนังจิตวิทยา หนังแนวอบอุ่น หนังปรัชญา หรือไม่ก็หนังจำพวกที่ให้อารมณ์กดดัน โดยไม่ได้สนใจถึงองค์ประกอบหรือคนแสดง แต่จะค่อยๆคิดตามเนื้อเรื่อง และสนุกไปกับการวิเคราะห์ว่าเราได้อะไรจากหนังมากกว่า

คราวนี้ จากที่ตอนแรกตั้งใจจะหาหนังเกาหลีจำพวกฟีลกู๊ดอบอุ่นดูสักเรื่อง แต่ก็กลับไปสะดุดตากับชื่อเรื่อง และใบปิดหนังของเรื่องนี้เข้าเสียก่อน

เราถูกผู้หญิงในรูปดึงให้เรานั่งมองอยู่ได้นานสองนาน และไม่รู้ทำไม มันทำให้เรานึกถึงหนังเกาหลีเรื่องหนึ่งที่เราไม่เคยคิดจะหยิบมันมาดูอีกครั้ง แต่เรากลับจำมันได้ดี "Old Boy" 

เราใช้เวลาอ่านรีวิวที่มีอยู่น้อยนิดของเรื่องนี้ ในเน็ตสักพักหนึ่ง แล้วก็ตัดสินใจว่าจะดูมันแม้จะมีคำโปรยไว้ก่อนว่าเรื่องนี้ติดเรท 18+ 

เริ่มเรื่องแล้วนะคะ

เรื่องเปิดมาที่ชายแก่อายุ70คนหนึ่ง เป็นนักเขียนที่มีชื่อเสียงในวงการวรรณกรรมมายาวนาน เขาอาศัยอยู่ในบ้านหลังขนาดกลาง โดยมีลูกศิษย์ซึ่งเรียนจบวิศวะกรแต่ผันตัวมาเป็นนักเขียน มาคอยดูแล

บ่ายวันหนึ่ง พวกเขากลับมาพบกับเด็กสาวแปลกหน้าวัย17กำลังนอนหลับสบายอยู่ที่เก้าอี้นอนหน้าบ้านของเขา เธอแนะนำตัวว่าชื่ออึนกิว บ้านอยู่ไม่ไกลจากบ้านชายแก่นัก และแอบเข้ามาหลับที่นี่เป็นประจำ ชายแก่ สะดุดใจกับความน่ารักสดใสราวกับดอกไม้ที่เบ่งบานสะพรั่งท่ามกลางหยาดน้ำฝน ที่สุด เธอก็กลายมาเป็นคนดูแลบ้านให้กับชายแก่ ในยามที่ลูกศิษย์ของเขาไม่อยู่

ชายแก่ถูกเสน่ห์แบบซื่อๆของอึนกิวยั่วยวนอยู่ทุกขณะวินาที ไม่ว่าจะเป็นการโชว์กางเกงในแบบไม่ระวังตัว การเข้ามาคลุกคลีสัมผัสใกล้ชิด การใส่เสื้อรัดๆและกระโปรงสั้นเดินไปไหนมาไหนในบ้าน หรือแม้แต่การไม่ระวังตัวที่จะปกปิดเนินเนื้อบริเวณหน้าอกที่กำลังพัฒนาขึ้นตามวัยของเด็กซึ่งกำลังจะแตกสาว
นอกจากนั้นนิสัยอันน่ารักและสดใส ก็ทำให้จิตใจของชายแก่ถูกเติมเต็มอย่างช้าๆ

แต่สำหรับอึนกิวแล้ว ท่าทางที่แสดงออกทำให้เขารู้ว่า เธอไม่ได้คิดอะไรกับเขาเกินไปกว่าคุณตาคนหนึ่ง

ชายแก่ซึ่งหลงใหลอึนกิวอย่างล้ำลึกขึ้นทุกวัน สำนึกตัวดีว่า เขากับเธอไม่คู่ควรกันแม้แต่เพียงน้อย เขาจึงเก็บเอาความฝันอันลึกล้ำที่เขามีต่อเธอ มาบรรยายลงในงานเขียน และคิดจะเก็บมันไว้เป็นความลับที่มีแต่เพียงเขาเท่านั้นที่ล่วงรู้

แต่มันก็ถูกเปิดเผยจนได้...

ลูกศิษย์ของเขาเอง ขโมยผลงานเรื่อง"อึนกิว"ที่ชายแก่เขียน ไปตีพิมพ์ในนามของตัวเอง และแท้จริงแล้ว เขาไม่เคยเขียนงานอะไรได้เลย หนังสือเล่มปัจจุบันที่กำลังสร้างชื่อเสียงให้เขาได้โลดแล่นในวงการ ก็เป็นแค่งานที่อาจารย์เขียนเล่นๆ และส่งต่อให้เขานำมันไปใช้เพื่อส่งตัวเองให้สูงขึ้นไป เขาถูกความแค้นนี้ครอบงำมาตลอด  ชายแก่โกรธ แต่เขาไม่สามารถทวงมันคืนได้ เพราะเขาไม่ต้องการให้อึนกิวรู้ ว่าตนเองเป็นคนแต่งมันขึ้นมา

เด็กสาวอึนกิวในวัยที่กำลังสับสนกับเรื่องรอบด้าน และมีความต้องการในตัวของเพศตรงข้าม เมื่อเธอได้อ่านมัน และคิดไปว่าชายหนุ่มลูกศิษย์ของอาจารย์เป็นคนเขียน เธอจึงค่อยขยับเข้าหาเขามากขึ้นเพื่อทำตามเสียงเรียกร้องของร่างกาย

ในวันเกิดของชายแก่ ทั้งสามคนกลับมารวมตัวกันที่บ้าน ในบรรยากาศที่อึดอัด ที่สุดชายแก่ก็ขอตัวไปนอนโดยมีอึนกิวเดินตามมาส่ง เธอพูดสุขสันต์วันเกิด เขาจึงกอดเธอไว้ในแบบที่ไม่เรียกร้องอะไร เธอกอดตอบเขาและปล่อยออก เด็กสาวมองชายแก่ ประทับริมฝีปากบนหน้าฝากของเขา ก่อนก้าวออกจากห้องไป "ราตรีสวัสดิ์เช่นกันอึนกิว" ชายแก่พูดไล่หลัง ก่อนล้มตัวลงนอน

ชายแก่สะดุ้งตื่นขึ้นกลางดึก เพราะเสียงขยับของโต๊ะที่ชั้นใต้ดิน และเสียงครางที่ดังมาแผ่วๆ และเมื่อหาต้นตอของเสียงเจอ เขาก็พบกับร่างสองร่างของอึนกิวและชายหนุ่มลูกศิษย์ที่กำลังมีสัมพันธ์สวาทกันอยู่ที่ห้องทำงานของเขาเอง เขานิ่งงัน และปีนลงจากบันไดที่ใช้ปีนแอบดูอย่างเงียบเชียบ

ชายแก่จัดการขันเพลาล้อรถตัวเองให้หลวม ปล่อยลมยางล้อรถของชายหนุ่ม และรอดูผลจากการกระทำของเขาที่จะเกิดขึ้นในตอนเช้า ตามคาด ชายหนุ่มขับรถที่เขาวางยาเอาไว้ออกไป และประสบอุบัติเหตุเล็กน้อย หลังจากเอารถไปซ่อม ชายหนุ่มก็รีบขับรถเพื่อกลับมาหาชายแก่ด้วยความเกรี้ยวกราด เพราะรู้ว่าตนเองจะโดนฆ่า ...เขาประสบอุบัติเหตุอีกครั้ง คราวนี้มันร้ายแรงจนถึงแก่ชีวิต และเป็นความประมาทของเขาเองที่ส่งให้เขาไปตาย

 เป็นเวลาหลายวัน กว่าที่อึนกิวจะกลับไปที่บ้านของชายแก่ หลังจากชายหนุ่มตาย เธอก็เอะใจ และรู้ความจริงเข้าจนได้ว่า เรื่อง"อึนกิว"นั้น คนที่เขียนขึ้นมาก็คือชายแก่ 

เธอเข้าไปในบ้าน สภาพของทุกอย่างดูรกรุงรังขาดการดูแล จารชามอาหารมีแมลงวันไต่ตอม ขวดเหล้ากระจายเกลื่อนอยู่ตามพื้น เธอพบชายแก่นอนขดตัวนิ่งอยู่มุมหนึ่ง อึนกิวเข้าไปเขย่าตัวและร้องเรียกเขา แต่เธอก็หยุดมันลง เมื่อได้กลิ่นสาบเหม็นเน่าลอยออกมาจากร่างของชายแก่...

เธอเริ่มร้องให้และสารภาพทุกอย่าง แท้จริงแล้วคนที่เธอรักไม่ใช่ชายหนุ่ม แต่เป็นชายแก่นั่นเอง เธอตกหลุมรักในความอบอุ่นและอ่อนโยนที่เธอได้รับ เธอเองก็ถูกชายแก่เติมเต็มทีละน้อยเช่นกัน การที่เธอมีสัมพันธ์กับชายหนุ่ม ก็เกิดขึ้นเพียงเพราะความต้องการของร่างกาย และความเหงาที่มี

"ฉันเป็นของคุณนะคะ" เธอพูดและซบหน้าลงกับหลังของชายแก่ที่ยังคงแน่นิ่ง "ลาก่อนค่ะ คุณตา" เธอกล่าวส่งท้าย วางช่อดอกไม้สีขาวในมือลง และเดินหายออกจากบ้านไป

"ลาก่อน อึนกิว" ชายแก่ขยับปากพูด และค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น...

...............................................................................................................................

เรารู้สึกว่า มันเป็นหนังที่ค่อนข้างกดดัน และมีบรรยากาศหน่วงๆอยู่ตลอดเรื่อง หนังสอนให้เรามองเห็นสภาพจิตใจที่แสนจะยุ่งเหยิงของมนุษย์ วุฒิภาวะที่มากขึ้น ไม่ได้ทำให้เรากลายเป็นคนคิดดีทำดี แต่มันกลับสอนให้เราข่มใจตัวเองไม่ให้ทำชั่วได้มากขึ้นต่างหาก 

ฉากเซ็ก และโชว์เรือนร่างมีให้เห็นแบบจะๆไม่ปิดบัง ไม่มีเซนเซอร์ ตั้งแต่ท่อนบนยันท่อนล่าง ดังนั้นจึงน่าจะเหมาะกับผู้ใหญ่มากกว่า ทั้งเนื้อหายังหนักหน่วงและผิดศีลธรรมอยู่ไม่น้อย แต่เราก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ ว่าเรื่องแบบนี้สามารถเกิดขึ้นในสังคมได้ ไม่ว่าเราจะพยายามปกปิด หรือไม่ยอมรับมันเท่าไรก็ตาม

เราเลือกที่จะมองข้ามฉากอีโรติคเหล่านั้น และดิ่งตัวเองลงกับเนื้อหา แบบที่ชอบทำอยู่เสมอๆ เราจึงค่อนข้างสนุก และรู้สึกว่าหนังแนวนี้มีเสน่ห์ดึงดูดเอามากๆ

สุดท้ายนี้ ขอให้ทุกท่านมีความสุขกับหนังที่เลือกนะคะ เชื่อว่าหนังทุกเรื่อง มีเสน่ห์ในตัวเองเสมอค่ะ สุขสันต์วันสงกรานต์นะคะทุกท่าน ^ ^

วันพฤหัสบดีที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

เด็กหอดูหนัง : (สปอยด์) ตายโหง ตายเฮี้ยน (ฉบับเกือบสาย หนังใกล้จะออกโรง = =)

เคยเป็นกันมั้ยคะ??

เวลามีเรื่องเครียดๆรอให้ไปทำอยู่ เรามักจะหาทางออกโดยการหนีมันไปสักพัก เพราะไม่มีอารมณ์จะเผชิญหน้ากับมัน เป็นการหนีแบบชั่วคราว เหมือนกับว่าขอไปตั้งหลักก่อน

จขบ.กำลังอยู่ในภาวะนั้นค่ะ ช่วงการสอบอัดแน่นเกือบเต็มสองสัปดาห์ที่กำลังจะมาถึง ทำให้จขบ.ขอหนีมาตั้งหลักก่อน และที่ๆนึกได้หลังจากประมวลผลมาเรียบร้อยก็คือ "โรงหนัง"ค่ะ

เนื่องจากที่เชียงใหม่เพิ่งจะมีการเปิดตัวห้างMAYAมาแบบสดๆร้อนๆ และมีโรงหนังในเครือเอสเอฟมาเปิดด้วย จขบ.ที่ปกติมักจะเป็นลูกค้าของเมเจอร์ ก็เลยขอมาลองดูหนังที่โรงใหม่ซะหน่อย

โดยเป้าหมายของการดูในครั้งนี้คือเรื่อง "ตายโหง ตายเฮี้ยน" หนังผีจากเรื่องจริง ภาคต่อของ "ตายโหง" จากค่ายพระนครฟิล์มค่ะ



(แปะรูปโปสเตอร์กันซักนิด ความเละของผีส่องประกายมาเชียวววว)

ตามคอนเซปเดิมค่ะ คือ"หนังผี...ต้องดูคนเดียว...ยิ่งทั้งแถวมีคนเดียวยิ่งดี" มีเพื่อนสองคนมาส่ง แต่พวกนางขอตัวไปดูเรื่องอื่น เพราะไม่อยากเอาชีวิตมาเสี่ยงให้นอนไม่หลับเล่น

พอเข้าโรงมาก็พบว่าแถวที่จขบ.นั่ง มีสิ่งมีชีวิตนับรวมได้สามคน และรวมทั้งโรงคงไม่เกินสิบห้าคน โรงก็ไม่ใช่เล็กนะคะ (มาดูหนังช่วงใกล้ออกโรงก็แบบนี้ T^T)

บรรทัดต่อไปมาเริ่มสปอยด์เนื้อหาหนังกันเลยค่าาาาา

หนังแบ่งเป็นสี่ตอนด้วยกันค่ะ คือ 14/16/15/13 (ชื่อตอนจริงๆนะคะ ไม่ใช่วันที่ - - แต่เอาจริงๆจขบ.ว่ามันก็เป็นการตั้งชื่อตอนที่เก๋ดีนะ)

14 : คดีรถตู้ตกทางด่วน เสียชีวิตเก้าศพ (นำแสดงโดย น้องใบเฟิร์น พิมพ์ชนก)

แอนต์(น้องใบเฟิร์น) นักศึกษาฝึกงานที่ต้องอยู่ทำงานที่ออฟฟิศจนดึกดื่น เธอกำลังโกรธแฟนหนุ่มที่เธอจับได้ว่าแอบไปมีกิ๊ก จึงไม่ยอมรับโทรศัพท์ที่ฝ่ายชายพยายามโทรมาหา ขณะนั้นเอง เครื่องถ่ายเอกสารก็ทำงานขึ้นมา (เสียงตุ้งแช่สะบัดมาก จขบ.นี่สะดุ้งไม่พลาดสักเม็ด) โดยเมื่อเธอเดินไปดู มันกลับเป็นรูปเส้นผมที่ยาวออกมาเรื่อยๆ แอนต์รีบหนีออกมาและลงไปขึ้นรถตู้โดยสารเที่ยวสุดท้ายของวัน และขณะที่เธอกำลังเปิดดูไลน์ที่ชายหนุ่มส่งมา ผู้หญิงคนหนึ่งก็ก้าวขึ้นมานั่งบริเวณเบาะข้างๆของเธอ ผู้หญิงคนนั้นกำลังร้องให้สะอึกสะอื้น ทั้งคู่สบตากันครู่หนึ่ง แอนต์ที่ไม่อยากรับรู้เรื่องราวรอบข้าง จึงใส่หูฟังเพลง และหลับตาลง เธอตื่นขึ้นมาอีกครั้งหลังจากผ่านไปสักพัก ผู้โดยสารบนรถหายไปหมด เธอจึงออกมาจากรถและเดินไปดูรอบๆ ด้วยการชะโงกลงไปดูด้านล่าง ทำให้ไม่เห็นภาพไว้อาลัยคนตายที่วางอยู่อีกฝั่งของถนน (คือคนปกติ ถ้าจะตรวจสอบอะไรมักจะสนใจของระดับสายตามากกว่าข้างล่างนะคะ??) สุดท้ายก็เจอลุงคนขับมาบอกว่า แค่จอดรถดูยางน่ะ รถออกวิ่งอีกครั้ง แอนต์เริ่มรู้สึกไม่ค่อยดี เพราะลุงคนขับไม่ยอมคุยกับเธอเลย จึงพยายามโทรหาแฟนหนุ่มและส่งรูปที่ถ่ายรอบๆรถไปให้ และแฟนหนุ่มเธอก็ต้องผงะ...เมื่อรูปที่ส่งมารูปสุดท้าย เป็นรูปของผู้หญิงที่มีลักษณะเละเทะ!! แอนต์เริ่มเจอเรื่องแปลกๆในรถ สุดท้ายเธอก็เห็นทุกอย่าง...ทุกคนในรถกลายเป็นศพที่มีบาดแผลเละเทะทั่วตัว และกำลังคลืบคลานเข้าหาเธอ (ผีโผล่แบบคุ้มค่าตั๋วมาก แถมใช้เอฟเฟ็คแต่งหน้าซะแบบ...โอ้โห...หมดไปกี่บาทคะเนี่ยยย ยิ่งเสียงประกอบนี่กระหึ่มโรงชวนหัวใจวายยยย)ภาพตัดไปที่รถตู้ชนเข้ากับรถเก๋งคันหนึ่งและตกจากทางด่วนลงไป ปั้งงงง!!!!! แอนต์ฟื้นขึ้นมาและตะเกียกตะกายออกจากรถ เรื่องเริ่มเฉลย จริงๆแล้วแฟนที่แอนต์คบอยู่เป็นแฟนของผู้หญิงที่ขึ้นมานั่งข้างๆเธอมาก่อน แต่แอนต์ไป(อ่อย)แย่งมา วันที่ผู้หญิงเลิกกับแฟน เธอขึ้นรถตู้คันนี้ และรถตู้ก็ถูกรถของแอนต์ที่มัวแต่เล่นไลน์ขับชนจนตกทางด่วน ทุกคนเสียชีวิต...การแก้แค้นจึงเกิดขึ้น สุดท้ายแอนต์ก็ถูกรถของแฟนหนุ่มที่ถูกผีหลอกจนขับรถตกทางด่วนลงมาทับ... จบตอนแรกค่ะ (ยาวจัง ตอนต่อไปจะย่อละ)

16 : คดีซ่องทรมาณโสเภณี ท่าล้อซอย 9 (นำแสดงโดยแน็คแฟนฉัน แจ๊สชวนชื่น และน้องเสื้อเขียวที่หล่อเว่ออ > < )

(ตอนนี้จะเอาฮาเป็นส่วนใหญ่นะคะ อารมณ์ขำไปกลัวไป 555) แจ็คกับเพื่อนเข้าไปเที่ยวซ่องลึกลับแห่งหนึ่งที่เพื่อนของเพื่อนแนะนำมาอีกที หลังจากเข้าห้อง ไปเรียบร้อย ก็พบว่าจริงๆแล้วเพื่อนเขามาพาโสเภณีที่ซ่องนี้หนีไปต่างหาก หลังจากเพื่อนหนีไปกับเด็กแล้ว แจ็กกับเพื่อนก็ถูกจับได้ แต่กลับถูกล็อกกุญแจข้อือติดไว้กับแจ๊สชวนชื่นที่เป็นแมงดาคุมซ่อง ทั้งสามพยายามตามหาเพื่อนกับเด็กที่หนีไป แต่สุดท้ายก็พบว่าทั้งคู่กลายเป็นศพไปแล้ว เรื่องเฉลยที่ว่า จริงๆซ่องนี้ร้างมานานแล้ว และเพื่อนกับเด็กคนนั้นก็ตายไปนานแล้ว รวมทั้งตัวแจ๊สเองก็ตายแล้วเหมือนกัน ทั้งสาม(แจ๊สเป็นผีก็กลัวผีกับเค้าด้วย)หนีผีไปเรื่อยๆ โดนหลอกหลายรอบมาก(โดยเฉพาะฉากแลกลิ้นนี่สุดๆเลยคุณเอ๊ยย...เอฟเฟกต์แต่งหน้ากันไม่เสียดายเงินเหมือนเดิมมมม) สุดท้ายพอใกล้ถึงทางออก ผีเพื่อนที่ตาย ก็มาช่วยฟันแขนแจ๊สออกให้ทั้งสองหนีไปได้ แต่ก็ติดประตูเหล็ก...หนีไม่รอด...ถูกผีสาวจับกลับเข้าไปเหมือนเดิม...(ตอนนี้ดูเหมือนจะให้เตรียมพร้อม จะเข้าสู่ช่วงหนักๆของหนัง)

15 : คดีฆ่ายัดช่องแอร์ (นำแสดงโดยแทค ภรัณยู และชาม โอสถานนท์)

แทค นักดนตรีตกยาก เข้าไปพักที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ซึ่งจากลักษณะแล้วดูเก่าคร่ำครึ แถมบรรยากาศไม่น่าอยู่เอาซะเลย เขาเปิดแอร์เก่าๆในห้อง แต่มันก็ทำงานได้ไม่ดีนัก หลังจากอาบน้ำออกมาเขาจึงเดินออกไปที่เคาเตอร์เพื่อจะแจ้งเรื่องแอร์ แต่กลับไม่พบใคร (ช่วงนี้คือลุ้นผ้าขนหนูแทคว่าจะหลุดแหล่ไม่หลุดแหล่มาก สาวแท้สาวเทียมก็ฟินหุ่นแทคหายกลัวกันไป 555) พอกลับเข้าห้องเขาก็พบว่าสภาพห้องเละเทะ และโดนผีผู้หญิงคนหนึ่ง สภาพเละเทะ(อีกแล้ว?)หลอก...แต่ก็ยังกลับเข้าไปนอนเหมือนเดิม คราวนี้ไฟดับ เขาเลยวิ่งไปควานหาไฟฉายขึ้นมาส่อง (ชอบช่วงนี้มาก คือเล่นกับการสาดไฟฉายไปมา มันเร้าอารมณ์กลัวผู้ชมได้ดีมากจริงๆ) สุดท้ายเขาก็โดนผีผู้หญิงกระโดดเข้ามาบีบคอ...เรื่องเฉลยที่ชาม ซึ่งเป็นหญิงขายบริการ(น่าจะนะ)โดนผู้ชายที่หิ้วมาด้วยทำรุนแรงใส่ เธอพยายามร้องขอความช่วยเหลือ แทคได้ยินแต่ก็ทำไม่สนใจ สุดท้ายชามก็ถูกฆ่าด้วยการโยนตกจากบันใด...ศพเธอถูกนำไปซ่อนไว้ในช่องแอร์...แทคก็เลยโดนฆ่าด้วยวิธีเดียวกัน...และจบด้วยการถูกยัดศพไว้ในช่องแอร์เช่นเดียวกับชาม

13 : คดีฆ่ายัดกล่อง (นำแสดงโดยกอล์ฟ พิชะยะ และ โดนัท มนัสนันท์)

นนท์(กอล์ฟ)มาหาเพื่อนที่บ้าน โดยเล่าว่าเขาพบศพคนรัก(โดนัท)ตายอยู่กลางห้อง หลังจากเขาตื่นขึ้นมา โดยที่เขายืนยันว่าไม่ได้เป็นคนฆ่า เขาเก็บศพของเธอใส่กล่องและเอาไว้ในรถมาสองวันแล้ว จนศพเริ่มส่งกลิ่น คนในคอนโดเริ่มสงสัย เขาจึงขับรถมาที่บ้านเพื่อนเพื่อขอคำปรึกษา เขาให้เพื่อนช่วยกันยกร่างของคนรักที่อยู่ในกล่อง ย้ายเข้ามาในบริเวณบ้าน...นนท์ตื่นขึ้นมาหลังจากหลับไปสักพัก และพบว่าเพื่อนทุกคนโดนเล่นงานจากวิญญาณของคนรัก เขารีบหนีออกมากจากบ้านและขนศพหญิงสาวไปด้วย เขานำศพเธอเข้ามาในป่าและพยายามจุดไฟเผา แต่ก็โดนเล่นงานเสียก่อน เรื่องเฉลยที่เขาเป็นคนฆ่าคนรักเอง...เขาเคยบวชเป็นพระแต่ก็ถูกยั่วจนต้องสึกออกมาใช้ชีวิตกับเธออีกครั้ง แต่เขาก็จับได้ว่าเธอยังไม่เลิกอาชีพโสเภณี และเธอยังตั้งท้องลูกที่เขาไม่รู้ว่าเป็นลูกของเขาหรือเปล่า หลังจากคนรักพยายามจะหนีเขาไป...เขาก็บันดาลโทสะฆ่าเธอตายด้วยมือของตัวเอง...หลังจากจำเรื่องทั้งหมดได้ เขาก็กระเสือกกระสนกลับออกมาในสภาพสะบักสะบอม และเผาศพของหญิงสาวสำเร็จ... นนท์ขับรถออกมาจากป่าแห่งนั้นด้วยความรู้สึกปนเป แต่สุดท้ายก็ถูกเล่นงานอีกครั้ง...เขาถูกช่วยชีวิตโดยหน่วยกู้ภัย...และพบว่าศพของหญิงสาว...ยังคงอยู่บนรถ...ไม่ได้ถูกเผาไปแต่อย่างใด...เขาถูกจับและส่งตัวมาขังไว้ในห้องขัง...และพบว่า...คนรักไม่ได้จากเขาไปไหนเลย...เธอยังคงอยู่กับเขาตลอดเวลา และจะอยู่ไปเรื่อยๆจนกว่าเขาจะตาย (จขบ.ว่าตอนนี้เป็นตอนที่น่ากลัวสุดของเรื่อง ภาพสวย พล็อตดี  แต่บางเรื่องยังไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าไร กอล์ฟเล่นดีจนน่าตกใจ เห็นพัฒนาการในการแสดงสูงมาก)

เฮ้อ...เป็นการเขียนสปอยด์ที่ยาวที่สุดตั้งแต่เขียนมา แถมยังเขียนไม่รู้เรื่องที่สุด (ก็มันยาวอ่ะ = =)  ยังไงก็ขอให้สนุกกับการอ่านสปอยด์หนัง และสนุกกับการดูหนังนะคะ จขบ.ขอกลับไปผจญกับการอ่านหนังสือมาราธอนก่อน ไว้เจอกันเรื่องหน้าค่ะ ^ ^


 



วันอาทิตย์ที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2557

รีวิวการใช้งาน lenovo a516 จากประสบการณ์จริง 1 สัปดาห์

เอาล่ะค่ะ สำหรับใครที่กำลังสนใจเจ้าตัวนี้อยู่ อยากจะหาข้อมูลก่อนการซื้อมาใช้จริง วันนี้เราจะมารีวิวจากการใช้งานจริงกันแบบหมดเปลือก ไม่อวย ไม่รีวิวแบบเปิดเครื่องครั้งแรกของบางเว็บนะคะ จะพูดถึงปัญหาและข้อดีกันแบบตรงๆเลย
มาดูหน้าตาเจ้าตัวกันก่อน
(รูปจากเน็ต) ตัวที่ได้มาเป็นสีขาวแบบนี้ รูปร่างเพรียวบาง จอใหญ่โตโอ่อ่า ปุ่มไม่รก
ติดฟิล์มมาให้แล้วเรียบร้อย (แต่แอบมีฟองอากาศแถมมาด้วย = =)

บอกอุปนิสัยของเจ้าของก่อน เป็นคนใช้เครื่องเพื่อความบันเทิงเป็นส่วนใหญ่ ไม่เน้นการทำงาน เน้นเล่นเกมส์ ฟังเพลง ดูหนัง เล่นไลน์ ทั้งหลายประมาณนี้
ไม่ต้องเกริ่นนาน เข้าเรื่องเลยดีกว่า

เริ่มจากข้อดีก่อน
- อินเตอเฟทสวย ปรับลูกเล่นของการหมุนหน้าจอ ไอคอนได้เยอะ 
- เข้าเวป เข้า GPS ได้รวดเร็วว่องไว มีฟังค์ชั่นต่างๆครบ
- ไม่ค่อยค้างเท่าไร เทียบกับโทรศัพท์ที่มีแรมใกล้ๆกัน
- ตัวเครื่องสวย หน้าจอใหญ่ 
- แบตอึด ทนนาน เล่นได้ทั้งวัน 
- มีสองซิม
- ทัชได้รวดเร็ว ไหลลื่นหัวแตกกันไปเลย ไม่ค่อยสะดุด
- GPS ใช้งานได้ดี 

ข้อเสีย(จากการใช้งานจริง) 
- เคสหายากมากกกกกกก (เราต้องสั่งพรีออเดอร์จากจีน เพราะหาซื้อยาก แบบมีน้อย)
- ย้ายแอปที่โหลดมาลง sd การ์ดไม่ได้(เลย) เมมในเครื่องมี 2GB เพราะฉะนั้นก็ต้องเล่นลบเล่นลบอยู่ร่ำไป
- เวลาออกแอปมา จะกลับเข้าสู่หน้าเมนู เครื่องจะมีการโหลดอยู่สักพัก (เป็นสี่เหลี่ยมหมุนติ้วๆ) ง่ายๆว่าประมวลผลช้า
- โหลดบางแอปมาเล่นไม่ได้ จะเด้งออกตลอด บางแอปจะกระตุกเป็นเจ้าเข้า  โดยเฉพาะเกมส์ที่มีขนาดไฟล์ใหญ่ๆ เช่น แคนดี้ครัช(อันนี้เด้งออกเลย เล่นไม่ได้) ฟรุตนินจา เป็นต้น
- รองรับ3Gแค่คลื่นความถี่ 900/2100 ใครใช้ดีแทคก็รอดตัวไป เล่นได้ปกติ แต่เราใช้ทรูมูฟ ก็จะค่อนข้างซวยเพราะความถี่ 2100 มันรับได้บางที่เท่านั้น ถ้าเข้าที่อับสัญญาณปั๊ปก็ขึ้นโรมมิ่งตลอด เล่นเน็ตไม่ได้ โทรถามศูนย์บริการก็บอกว่า เครือข่ายความถี่ 2100 มันมีแค่เมืองใหญ่ๆเท่านั้น ยังไม่ครอบคลุมพื้นที่ ดีว่าเรียนอยู่เชียงใหม่เลยยังพอใช้ได้อยู่ ไม่ค่อยมีปัญหา แต่พอกลับบ้าน ก็โรมมิ่งกันยาวๆเลยจ้าา...
- สำหรับคนชอบถ่ายรูป กล้องคงไม่ค่อยถูกใจเท่าไร กล้องหลังถ้าใช้ประกอบแอปยังโอเค แต่กล้องหน้านี่บายเลยจ้าา นอยส์กระจาย นอกจากจะถ่ายในที่แสงมากๆ ก็จะพอถูไถไปได้


ตามความเห็นเรา เครื่องนี้น่าจะเหมาะกับคนวัยทำงานที่ใช้ในการเช็คส่งเอกสาร เข้าเมลล์เข้าเวป เล่นไลน์ แต่ไม่ได้เล่นเกมส์หรือโหลดแอปอะไรมาก เครื่องจะตอบสนองการใช้งานได้ดี ทั้งยังมีสองซิมก็ใช้บริการของสองเบอร์ได้เลย (ซิมที่สองไม่รองรับ 3G) แต่ถ้าชอบเล่นเกมส์หนักๆ โหลดแอปเยอะๆ ก็แนะนำรุ่นที่มีแรมสูงกว่านี้ น่าจะใช้งานได้ดีกว่า แต่ถ้าเทียบตามราคาแล้ว ราคาประมาณนี้ ได้เสปคขนาดนี้ก็คุ้มค่าพอแล้ว

ขอให้สนุกกับการใช้งานสมาร์ทโฟนของทุกท่านนะคะ ^ ^

วันศุกร์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

(สปอยล์)ฮาชิมะ โปรเจคต์...หนังผีตุ้งแช่แห่งปี!! (spoil Hashima project)

           กราบสวัสดีค่ะทุกท่าน วันนี้บล็อกของเรา จะนำพาท่านเข้าสู่การสปอยล์หนังไทยเรื่อง ฮาชิมะ โปรเจ็ค (Hashima project) อันซึ่งในตอนแรกนั้น เป็นหนังที่ตัวเองไม่ได้อยากไปดูเอาซะเลยยยยย -*- แต่เนื่องจากได้สิทธิ์ดูหนังลด 50% ของทรูมา ประกอบกับกำลังอยากใส่หนังผีอยู่นิดหน่อย ก็เลยหาเวลาเหมาะๆไปดูสักนิดนึง
           เริ่มแรกก็ต้องหาข้อมูลกันซะก่อน ด้วยการตามอ่านรีวิวจากบล็อกต่างๆที่น่าเชื่อถือ ด่าบ้าง ชมบ้าง ตามประสา(แต่ส่วนใหญ่ด่าว่ะเออ - -) แต่มีคนชมเอล็กว่าเล่นดี และถ้าอยากดูหนังผีแบบตกใจๆไม่สนเรื่องก็ไปดูเอามันส์ได้ จขบ.ก็เลย...เอาวะ...กลัวผีเป็นทุน น่าจะคุ้มอยู่แหละ หลังเลิกเรียนก็เลยพุ่งตรงสู่เมเจอร์แอร์พอร์ท ใช้สิทธิ์ทรูได้ตั๋วมาในราคา 85 บาท และเพื่อความคัลล์ จขบ.เลยไปดูคนเดียวซะเลย เลือกแถวที่ทั้งแถวมีเรานั่งอยู่คนเดียว โอ้เยส!!! ได้อารมณ์ฝุดๆ!! หันมองรอบกายด้านข้างช่างว่างเปล่า เตรียมพร้อมสำหรับหนังผีเรียบร้อยจ้ะ!!

บรรทัดต่อไปเป็นสปอยแล้วนะฮาฟฟฟ

เรื่องเปิดมาที่กลุ่มเพื่อนห้าคน อันประกอบด้วย ด็อก(แจสซี่) ออฟ(เอล็ก แรนเดล) แนน(สายป่าน) นิก(ไมค์)  เมย์(ออม สุชา) รวมกลุ่มกันถ่ายคลิปผีแบบเทคนิคเล็กน้อย เอาไปเสนอตามค่ายภาพยนต์ต่างๆเพื่อหางานทำ แต่ก็ยังไม่มีบริษัทไหนตอบรับ ก็เลยอัพลงยูทูปแม่งซะเลย ปรากฎว่ายอดวิวขึ้นเป็นล้าน รายการผีชื่อดังก็เลยเรียกตัวไปเพื่อจะให้โปรเจคพิเศษไปทำ นั่นคือ "H project"หรือฮาชิมะโปรเจ็คนั่นเอง แล้วหนังก็ทิ้งบ่วงไว้ให้สองอันคือ ออฟเล่นพนันบอลทิ้งไว้กับโต๊ะบอล และนิกที่ได้โอกาสฝึกงานที่สถานีทีวีแห่งนึง ช่วงนี้...จะเริ่มรู้สึกว่า อีนิกต้องคิดอะไรกับแนน ส่วนออฟมันต้องออฟอีเมย์ไปแล้วแน่ๆ ทั้งๆที่ออฟกับแนนเป็นแฟนกันอยู่ แต่มันก็ยังไม่มีอะไร ทุกคนออกเดินทาง แบกกล้องแบกของ เดินทางไปด้วยทุนรายการ เฮฮากันตามประสาวัยรุ่น

         
ไกด์ชาวญี่ปุ่นที่มารับชื่อว่าคุณซาโต้ ก็พาไปเที่ยวแล้วก็พาเข้าพักที่โรงแรมๆหนึ่ง ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับเกาะฮาชิมะ ตัวออฟกับนิคตอนเข้าห้องพักก็เจอกับผู้หญิงญี่ปุ่นคนหนึ่ง(โช นิชิโนะ)เดินผ่านแล้วยิ้มให้ ตามประสาผู้ชายก็มีการแซวๆกันว่า ใครจะได้ก่อนอะไรแบบนี้ แต่ก็ตกไปไม่มีอะไรสำคัญ ตกกลางคืน นิคนอนอยู่บนที่นอนจู่ๆก็มีผมผู้หญิงโผล่ออกมาจากใต้ผ้าห่ม นิคสะดุ้งตื่น พอขยับหันมาดู ทีนี้มาทั้งหน้าเลยจ้าาาา พูดภาษาญี่ปุ่นแบบไร้ซับ เป็นผีหลอกลองเทคที่แบบจขบ.ต้องแอบแง้มๆดู ไม่ไหวๆ -*- ตัดมาที่ฝ่ายออฟ พอแง้มประตูก็เห็นผู้หญิงญี่ปุ่นที่เจอตอนกลางวันเดินตามนิคเข้าห้องไป ฮีเลยไปปีนแอบดูพร้อมกล้อง พบว่านิคนั้นกำลังถูกคร่อมตัวอยู่ในท่าชวนสยิวมั่กๆ อิมเมจโชนิชิโนะจากเรื่องจันดารานี่ลอยเข้าหัวเราเลยยยยย แต่สุดท้ายออฟก็โดนผีหลอกจนต้องหยุดไป
           เช้ามาทุกคนก็ลงมาเตรียมขึ้นเรือ ออฟกับนิคเห็นรูปผู้หญิงคนเมื่อคืนที่ลอบบี้ เลยถามคนดูแลว่านี่ใครอะ ก็ได้คำตอบว่าคือคุณยูโกะลูกสาวเจ้าของโรงแรม ที่รอคนรักอยู่บนเกาะฮาชิมะจนตายไปหลายปีแล้ว ทั้งสองคนก็เฮ้ยๆ ว่าไม่เชื่อ หาว่าไกด์บิวต์ก่อนจะขึ้นเกาะ แต่ไกด์ก็ยืนยันว่าเรื่องจริงถามใครดูก็ได้ (เราสงสัยนิดนึงว่าทั้งๆที่นิคมันเจอเต็มๆมาเมื่อคืน แต่แม่งไม่เอะใจไม่พูด ไม่กลัวอะไรสักอย่าง ถ้าเป็นคนอื่นเจอผีปกติมันต้องมีท่าทีกว่านี้หน่อยสิเฮ้ยย - -) ตัดไปก็เป็นระหว่างที่ทุกคนนั่งเรือไปเกาะ ตอนที่กล้องแพลนภาพตอนขึ้นเกาะนี่ โอ้โห...โคตรใช่...เกาะบ้าอะไรวะ น่ากลัวเชี่ยๆ!!! คือไม่จำเป็นมึงอย่าเหยียบเข้าไปดีกว่านะ รู้สึกได้ถึงความรกร้าง ความเก่า เศร้า เหงา เปลี่ยว การถูกทิ้ง โอ๊ย!! อะไรดาร์กๆแม่งมาหมดอะ ฟิวมาเต็ม แถมด้วยฉากซูมใบไม้ที่มีผีโผล่แบบตุ่งแช่ให้ตกใจเล่น อารมณ์คลิปเก้าอี้โยกในยูทูปแล้วผีโผล่มานั่นอะ แม่งใช่เลย!!! ตกใจก็ตกใจ ขำก็ขำ...ได้แต่นั่งด่าอยู่ในใจคนเดียว -*-






ทีนี้ก็เดินสำรวจกันไปเรื่อยๆ จนมาถึงห้องนึงที่มีอักษรเขียนไว้เต็มทั้งผนัง ซึ่งแนนก็บอกว่า นี่คือผนังที่เอาไว้เขียนชื่อคนตาย ทีนี้อิออฟด้วยความเหมือนโดนทางดาร์กเข้าสิงอะไรก็ไม่รู้ เลยหยิบหินแถวนั้นขึ้นมาเขียนชื่อตัวเองลงไปบนผนังด้วยจ้าา (อยากตายสินะมึง - - )



ทีนี้พอมาอีกห้อง ออฟก็ไปเจอโถกระดูกวางไว้ เลยหยิบรูปใกล้ๆมาปัดฝุ่นดู กลายเป็นหน้าของคุณยูโกะนั่นเอง พอวางรูปมันก็เผลอปัดโถกระดูกตกแตก เลยเจอแหวนข้างใน อิออฟก็อุตริแอบเก็บกลับมาอีกตะหาก (ไม่รู้อะไรดลใจ แหวนแม่งก็ไม่ได้สวยมีค่า มีเพชรติดน่าเก็บอะไรเล้ยยย - -) และพอทุกคนเข้ามาในห้อง ผงกระดูกก็ฟิ้ววว ปลิวเข้าตาทุกๆคนโดยทั่วหน้า มีคนพูดขึ้นมาว่าเค้าว่าผงกระดูกเข้าตาจะเห็นผี ทีนี้ก็ได้เห็นกันทั่วหน้าเลยจ้าาาา แล้วก็เกิดอาการตึกถล่มเกิดขึ้น ทุกคนวิ่งหนีตายกันจ้าละหวั่น แต่สุดท้ายก็ออกมายืนอกสั่นขวัญแขวนกันนอกตึกแบบครบสามสิบสอง ได้แผลกันนิดหน่อย





ก็กลับออกมาจากเกาะด้วยสภาพสะบักสะบอมกัน แต่ก็ถือว่างานสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี
กลับมาถึงไทยทุกคนก็แยกย้ายกัน มานัดกินเหล้ากันบ้าง ออฟที่เป็นคนตัดต่อก็แยกตัวอยู่คนเดียวเพื่อจะทำงาน ทีนี้ทุกคนก็เริ่มเจอเรื่องแปลกๆกันทีละคน โดยผีคุณยูโกะ หน้าตาประมาณนี้

แล้วปัญหาก็เกิดขึ้น ออฟซึ่งโดนผีคุณยูดกะหลอกจนต้องยอมตัดนิ้วตัวเองเพื่อเอาแหวนออกมา แค่นี้ก็เครียดแล้ว ไหนยังจะติดเงินที่พนันบอลไว้ถูกตามทวงหนี้ เมย์ที่มาหาเพื่อจะเคลียเรื่องที่ไปแอบเล่นชู้กันลับหลังแนนก็เลยโดนหางเลข โดนคนทวงหนี้ข่มขืน โดยที่ออฟช่วยอะไรไม่ได้ อิคนทวงหนี้ก็เสือกหยิบแหวนไปอีก เลยโดนยิงตายตรงล่างตึกนั่นแหละครับพี่น้องงง (สมมม - -) แล้วแหวนก็กลับมาเด่นเป็นสง่าอยู่บนโต๊ะในห้องออฟเหมือนเดิม (ช่วงนี้เอล็กเล่นดีมวากกก โคตรดาร์ก แต่ออมยังไม่ค่อยถึงเท่าไร อาจจะยังไม่ชินกับบทหนังผีมั้ง) ตอนนี้ทุกคนเครียดแบบสุดๆ เมย์ที่โดนข่มขืนก็ถูกผีหลอกจนตกตึกตาย ส่วนด็อก(แม่งแทบไม่มีบท) ก็ตายเพราะแมงกุดจี่ที่ชอบกินและถูกผีแหกปาก?? (เพราะไปแซวไว้ว่าป่านนี้คุณยูโกะคงไปเกิดเป็นแมวแล้วมั้งงง)





มาที่นิค พอไปฝึกงานก็ทำงานพลาด เลยถูกผู้จัดการด่า ก็มานั่งเครียดอยู่คนเดียวในสตูมืดๆที่เค้าปิดไฟออกไปกันหมดแล้ว(ฟอวอท??) ฮีเลยโดนผีเล่นงานโดยการกระโดดขี่หลัง (แม่งลอกชัตเตอร์แน่ๆ -*-) อิผู้จัดการที่นั่งดูกล้องวงจรปิดอยู่ เห็นภาพ เลยโดนผีหักคอตายระหว่างโทรไปด่ารปภ.เรื่องไฟดับ (เหยดดดด)
         แนนกับนิค พอเพื่อนตายกันสองคนแล้ว ก็เลยจะมาหาออฟเพื่อเช็คเทปฟุตเทจ เผื่อมีอะไรตามมา จะได้เห็นจะๆไปเลย แต่ออฟไม่อยู่แล้ว เพราะออฟกลับไปที่เกาะเพื่อเอาแหวนไปคืน ก็ตะโกนด่าแล้วเขวี้ยงแหวนคืนไป (อันนี้จขบ.ก็งงอีกว่ามันกลับมาได้ไงแวะ?? ไหนบอกไม่มีตัง มึงเอาค่าเครื่องค่าไกด์มาจากไหน??) ทางแนนกับนิคก็เปิดวีดีโอดูเพื่อหาผี ปรากฎว่าเปล่าจ้าาา ไม่เจอผี กลายเป็นเจอว่าอิออฟตกตึกตั้งแต่ตอนตึกถล่ม ตายตั้งแต่บนเกาะแล้วววว!!!!บรึ้มมม!!!เซอไพรซ์!!!! ทางอิออฟก็เดินๆไป แล้วเจอศพตัวเองอยู่ใต้ซากตึกบนเกาะนั่นแหละ ก็ระลึกชาติได้ว่า ตกลงมาตอนตึกถล่มแต่ยังไม่ตาย มาตายตอนที่อินิคกำลังวิ่งหนีตึกถล่ม แล้วเตะไม้หล่นลงมาเสียบ อกมันค่าาา เลยตายยย งามมม!!!ปรบมือออ!! (มาเข้าใจตรงนี้นี่เองที่มันกลับมาเกาะได้โดยไม่ต้องนั่งเครื่อง และที่หลังจากกลับมาจากญี่ปุ่น สังเกตว่าไม่มีฉากที่อิออฟออกมาสู่โลกภายนอกเลยยยย) ส่วนตอนเขียนชื่อบนผนังอิเมย์กับอิด็อกก็เขียนด้วยเหมือนกัน เลยตายจะ...
  

มาที่แนนกับนิค พอเรื่องกระจ่างก็เสียใจ มีโทรศัพท์จากบริษัทหนังมาบอกว่าเค้ารับพวกมันเข้าทำงานกันหมดแล้วก็ยิ่งเฟลไปใหญ่ ร้องให้กอดกันกลม ก็จบแค่นี้จ้า กึ่งๆแฮปปี้เอน เหลือกันสองคนใช้ชีวิตในโลกความจริงต่อไป....ผิด!!!!! มันยังไม่จบ อิแนนกับนิคก็เดินออกมาจากห้องกำลังขึ้นลิฟแต่แนนทำกุญแจตกก็ก้มลงเก็บ ประตูลิฟก็ปิดไป ทั้งสองตกใจ อินิคที่ถูกขังอยู่ในลิฟก็หันไปเจอผีคุณยูโกะยืนอยู่ สรุปว่าอินิคคือผัวคุณยูโกะที่กลับชาติมาเกิดใหม่ ผีคุณยูโกะเลยตามมาเพื่อทวงสัญญา และจะเอาไปอยู่ด้วย และที่ผู้จัดการถูกหักคอก็คงเพราะไปด่าผัวคุณยูโกะนี่เอง อืมๆ - - (ตรงนี้โคตรตลก แม่งไม่จำเป็นต้องมีก็ได้ปะวะ จะจบแบบค่อนข้างสวยเลยแหละ แต่มีนี่คือแบบ ขำอะ คนเขียนบทมึงเชิงลึกไปป้ะ?? -*-) ลิฟต์ก็ตกลงมา อีนิคก็ตายย จบตรงแนนก็ยืนสวยๆอยู่ที่ชายหาดประเทศไทย เหมือนเหลือตัวคนเดียวในโลก (โอ้ววว โคตรเศร้า) และแล้วก็มีอีกาบินมาเกาะขอนไม้ด้านหลัง (เป็นสัญลักษณ์ว่าอิแนนต่อไปต้องตาย เพราะเวลามีใครตายอีกาก็จะมาตัลหลอดดดดด ) และมีฉากที่นิคยืนอยู่กับคุณยูโกะบนเกาะฮาชิมะ ด้วยคอสตูมสมัยโคตรใหม่ (คือคุณยูโกะแม่งเกิดตั้งแต่ยุคไหน อีห่านรากกก - -) ค่อยๆซูมออกมาๆ จบปึ้ง!!!! (ยังดีมีอิออฟไปตายบนเกาะเป็นเพื่อน แม่งอินิคจะได้ไม่เหงา อยู่ด้วยกันสามวิญญาณกะหนุงกะหนิง -*-)

 เรื่องนี้ถือว่าดีมากในด้านภาพ (โดยเฉพาะฉากบนเกาะที่ให้อารมณ์หดหู่ชวนฆ่าตัวตายโคตรๆ) ดนตรี และฉากตุ้งแช่ เอฟเฟคแต่งหน้าผี แต่เรื่องบท ตัวนักแสดงบางคน....CG นี่แบบ...ช่องเจ็ดมากกกก...มาอ่านเครดิต อ้อ กันตนาทำCGนี่เองขรั่บบบ - - ความดีความชอบด้านการแสดงยกให้เอล็กกับสายป่าน ส่วนคนอื่นนี่แบบยังไม่ถึง เรียงจากมากไปหาน้อยได้แก่ ออม ไมค์ และ แจสซี่(ซึ่งแทบไม่มีบท แต่ก็เห็นได้ชัดว่ายังไม่ชินกับภาพยนต์เท่าไร) ส่วนไมค์นี่ถึงแสดงไม่ค่อยโอแต่อภัยให้ หน้าตาดีมีชัยไปกว่าครึ่งงงง อร๊างงง \\> <\\  เขินนนน

สรุปว่าถ้าว่างๆไม่มีอะไรทำ อยากออกไปเสียเงิน ก็ดูหนังเรื่องนี้ได้เลย สนุกพอสมควร ฉากตุ้งแช่มีให้ตกใจกันตลอดเรื่อง แต่ถ้าจะเอาดราม่าครบองค์อย่างลัดดาแลนด์นี่ไม่มีนะ อย่าไปหวังเลย ดูเอาสนุก ไม่คิดอะไรมาก พอมีอะไรให้กลับมานอนกลัวสักสองสามวันก็โอเคละ

สุดท้ายนี้ขอให้โชคดีเลือกหนังได้ถูกใจ และสนุกกับการดูหนังทุกเรื่องนะคะ ^ ^
ps:ขอขอบคุณเจ้าของภาพประกอบทุกท่านมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ (-/\-)

----สถานีต่อไป---- carrie สาวสยองง---- ค่าาาาาา > <

วันอังคารที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2555

#สปอย# 100เปอร์ silent hill 2 (revelation 3D)

หลังจากนั่งรอกันมานานหกปีเต็มๆ!!! O-O (เจ้าของบล็อกเพิ่งเริ่มมาสนใจเอาปีสองปีนี้แต่ก็ รอจนเหงือกแห้งเหมือนกัน)
ที่สุดภาคต่อของภาพยนต์จากเกมส์ชื่อดัง"silent hill " ก็ออกมาเผยโฉมแสนอลังการ(?)ให้คอเกมส์ทั้งหลายได้หายคิดถึงซะที 
พอถึงวันที่ 25 ตุลาคม 2555 ปั๊บ...เจ้าของเพจก็ออกอาการกระวนกระวายคล้ายไข้จะขึ้น ทั้งๆที่งานรัดคอแทบหายใจไม่ออก แต่สุดท้ายก็ดิ้นรนจนได้ไปดูจนได้ เข้าโรงหนังช้าไปประมาณสิบห้านาที แต่ใครจะสน!!!บัดนี้ความฟินอยู่บนจอตรงหน้าข้าพเจ้าแล้ว ฮ่าาาาาาา ^ ^
ด้วยความที่อินดี้จัด กอปกับเพื่อนๆทุกคนมีรสนิยมแบบผู้หญิงธรรมดากันหมด(คือชอบดูหนังรัก หนังแฟนตาซีเป็นปกติ) เจ้าของเพจจึงมีอันต้องมาดูหนังคนเดียวข้างๆใครก็ไม่รู้...แต่อารมณ์ตอนนั้นฟินสุดๆ ไม่ได้สนใจอะไรเล้ยยยยย
เอาล่ะ...ใครไม่อยากเสียอารมณ์ก็ข้ามไปนะคะ ย่อหน้าต่อไปจะเริ่มสปอยกันแล้วววว

    หนังเริ่มที่ฝันร้ายของตัวนางเอกที่กำลังวิ่งหนีกลุ่มคนเข้าไปในสวนสนุก อุตส่าห์หนีไปหลบแต่ก็มีอันต้องวิ่งเข้ามาตกอยู่ในม้าหมุนที่ล้อมรอบด้วยไฟ มีพ่อหมวกพีระมิดเป็นพนักงานขับเคลื่อนโดยการหมุนๆๆๆๆ (หือ?) กับเหล่าผู้ตามล่าที่ค่อยๆโอบล้อมเธอไว้สำเร็จ ที่นั่นเธอได้พบกับ"เอลซซ่า"..."ตัวตนด้านมืด" ของเธอ เอลซซ่าทิ้งคำพูดสุดท้ายไว้ว่า "เธอไม่มีวันชนะชั้นได้หรอก อย่ากลับไปที่ silent hill" นางเอกสะดุ้งตื่น พ่อเข้ามาปลอบแต่ก็พูดอีกว่า "อย่าไปที่ silent hill" แล้วเธอก็สะดุ้งตื่นอีกครั้ง สรุปนางเอกฝันซ้อนฝัน 
     เธอลงมาข้างล่าง คุยกับพ่อ สรุปพอเข้าใจได้ว่า นางเอกกับพ่อเพิ่งย้ายบ้านมา โดยหนีคดีฆาตกรรมที่พ่อของเธอพยายามจะปกป้องเธอ นางเอกกับพ่อต้องเปลี่ยนชื่อไปเรื่อยๆ โดยปัจจุบันนางเอกชื่อว่าฮีทเทอร์ วันนี้เป็นวันเกิดอายุครบ 18 ของเธอพอดี พ่อจึงให้ของขวัญเป็นเสื้อกั๊กตัวหนึ่ง นางเอกก็อึ้งไป(อันนี้เราสงสัยว่าที่อึ้งนี่เพราะว่าเห็นเป็นชุดเดียวกับในฝัน หรืออึ้งที่เป็นเสื้อที่อยากได้จริงๆอย่างที่มันบอกกันแน่?) แต่ก็สวมเสื้อนั่นไปเรียนตามปกติ ระหว่างทางนางเอกเจอกับผู้ชายคนหนึ่งที่พยายามจะเข้ามาคุยกับเธอให้ได้ นางเอกเห็นลางไม่ดีก็รีบหนีเข้าห้องเรียนไป
    เพราะนางเอกย้ายเมืองบ่อยจึงไม่ค่อยแคร์ว่าเพื่อนร่วมห้องจะปฏิบัติกับเธอเช่นไร  มีเพียงวินเซนต์ ชายหนุ่มที่เพิ่งย้ายมาเช่นกันที่เข้ามาคุยกับเธอ นางเอกพอออกมาจะกลับบ้านก็เจอกับชายที่เจอตอนเช้าอีก เลยโทรไปบอกพ่อให้มารับที และนัดเจอกันที่ห้างใกล้ๆบ้าน 
    พ่อนางเอกยืนนึกเรื่องแม่นางเอกที่เคยหายไปใน silent hill เหมือนกัน ตรงนี้จะโยงจากภาคแรก คือแม่นางเอกหายไปจนปลงละ แต่วันนึงก็ได้คุยกันผ่านทางกระจก แล้วจู่ๆนางเอกก็กลับมา โดยที่แม่นางเอกก็กำชับไว้ว่าอย่าให้ลูกไปเกี่ยวข้องกับ sh. นะ แล้วนางเอกก็โทรมาพอดี พ่อนางเอกพอคุยโทรศัพท์เสร็จก็จะรีบออกจากบ้าน แต่ประตูหน้ากลับเหมือนมีใครพยายามจะเปิด เลยหนีไปทางประตูหลัง แต่พอเปิดประตูหลังปั๊บ...ฟึ่บ...
     ตัดมาที่นางเอก เธอเริ่มเห็นภาพรอบตัวเปลี่ยนไป เป็นแบบน่ากลัว มีปีศาจเต็มไปหมด แล้วก็เจอผู้ชายคนเดิม เลยหนีเข้าไปในบ้านผีสิง(หา?) แต่สุดท้ายก็ได้คุยกัน คือผู้ชายคนนี้เป็นนักสืบและพยายามจะถามว่าพ่อเธอหนีมาใช่มั้ย แต่ก่อนจะคุยกันรู้เรื่อง เขาก็ถูกฆ่าตายโดยปีศาจ ที่นางเอกไม่เคยเห็นมาก่อน กลายเป็นว่านางเอกพอหนีออกมาได้ ก็กลายเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมนักสืบคนนั้นไปซะงั้น (เวรจริงๆ จะให้ไปบอกตำรวจว่าปีศาจฆ่าก็คงจะเชื่ออยู่ล่ะนะ)
     เธอเจอกับวินเซนต์ระหว่างนั้น และเขาตามมาส่งเธอที่บ้าน แต่เมื่อกลับมาถึงเธอก็พบข้อความบนผนังที่บอกให้เธอกลับไปที่ sh. และพ่อของเธอก็หายไปด้วย ระหว่างนั้นตำรวจก็มา เธอจึงขอให้วินเซนต์ขับรถพาเธอหนีไปที
     ทั้งสองขับรถไปไกลและหยุดพักที่โรงแรม วินเซนต์พยายามหว่านล้อมไม่ให้เธอกลับไป sh. แต่นางเอกก็ยังยืนยันที่จะไป วินเซนต์เลยบอกความจริงว่า จริงๆแล้วเขาเป็นลูกชายของผู้นำลัทธิที่ถูกส่งมาเพื่อพาตัวนางเอกกลับไป เขาถูกสอนมาตลอดว่านางเอกเป็นนางปีศาจ แต่เมื่อเขาได้พบกับเธอจริงๆ เขากลับตกหลุมรักเธอ และรับรู้ได้ว่าที่เขาถูกสอนมาทั้งหมดไม่เป็นจริง แม่ของเขาแค่ต้องการตัวนางเอกไปเพื่อให้พิธีทำลายอเลซซ่าสมบูรณ์ก็เท่านั้น แต่พอพระเอกพูดจบเขาก็ถูกจับตัวไป นางเอกสลบ พอตื่นมาอีกที เธอก็พบว่าตัวเธอได้เข้ามาอยู่ใน sh.ซะแล้ว 

(ยังไม่จบต่อพรุ่งนี้ค่ะ เจ้าของบล็อกง่วง) 

วันอาทิตย์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ฉันผู้หวาดกลัวความผิดหวัง...

ฉันจำได้นะ....

ว่าเคยให้ความสำคัญกับของทุกอย่างรอบๆตัว...

เป็นมนุษย์ธรรมดาที่รัก...ก็รักเต็มที่...
 
เกลียด...ก็หันหน้าหนี...ไม่ก็ทำลายสิ่งนั้นๆ...

แต่ยิ่งโตขึ้น...ยิ่งนานวัน...

รอบๆตัวสอนให้ฉันรู้ว่า...

การรักใครสักคนมากๆ...เวลาเจ็บ...

จะเจ็บเจียนตาย...

ราวกับคนโง่...ที่สูญเสียเหตุผลไปจนหมด...

ฉันไม่ชอบตัวเองที่เป็นแบบนั้น...

ต่อมาทุกวัน...จึงหมั่นสร้างกำแพง...

หนาขึ้นทีละนิดละนิด...

รู้ตัวอีกที...ฉันก็ไม่สามารถรักใครได้เต็มหัวใจอีกแล้ว...

ในความรักของฉัน...จะปนด้วยความหวาดระแวง...

และกังวลอยู่เสมอว่าสักวันคนรักจะจากไป...

และนอกจากนั้น...

ฉันยังกลายเป็นคนเฉยชาที่ไม่รู้สึกเต็มที่กับเรื่องใดๆ...

เรื่องที่ควรหัวเราะ...ก็ไม่รู้สึกอยากหัวเราะ...

เรื่องที่ควรจะร้องให้...ก็ไม่รู้สึกอยากร้องให้...

บางครั้งฉันจึงต้องแสร้งทำ...เหมือนหุ่นยนต์ที่โดนโปรแกรมเอาไว้...

ผลคือ...ฉันไม่ชอบตัวเองที่เป็นแบบนี้มากยิ่งกว่า...

แต่ฉันกลับไปเป็นคนเดิมไม่ได้...ไม่ได้อีกแล้ว...

ตอนนี้ฉันจึงไม่รู้ว่า..."ตัวของตัวเอง"...เป็นแบบไหน...

บางทีอาจจะนิยามว่า...หุ่นกระบอก...ที่ไม่มีอารมณ์ก็คงได้....

ฉันไม่รู้ว่าจากวันนี้จะไว้ใจใครได้อีกหรือเปล่า...

หรือว่า...

ฉันจะเป็นหุ่นตัวเดิมแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆกันนะ...

อีกนานไหม...